ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดเชียงราย
ตราประจำจังหวัดเชียงรายเป็นรูปช้างสีขาวใต้เมฆ
ที่มาของภาพ :
http://www.chiangraifocus.com
ความหมาย
เมื่อพญามังรายได้ทรงรวบรวมหัวเมืองฝ่ายเหนือในอาณาเขตรอบ
ๆ ได้ แล้วจึงทรงกรีฑาทัพไปแสดงฝีมือในการยุทธ ต่อหัวเมืองฝ่ายใต้ลงมา
จึงได้ไปรวมพล ณ. เมืองลาวกู่เต้า และหมอควาญได้นำช้างมงคล ของพญามังรายไปทอด
(ผูก) ไว้ในป่าหัวดอยทิศตะวันออก พลัดหายไป
พญามังรายจึงได้เสด็จติดตามรอยช้างไปจนถึงดอยทองริมแม่น้ำกกนัทธีได้ทัศนาการเห็นภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม
อุดมสมบูรณ์เป็นชัยภูมิที่ดี จึงได้สร้างเมืองใหม่
ขึ้นในที่นั่นให้ก่อปราการโอบเอาดอยจอมทองไว้ในท่ามกลางเมือง ขนานนาม เมืองว่า
"เวียงเชียงราย" ตามพระนามของพญามังรายผู้สร้าง เมื่อวันที่ 26
มกราคม พ.ศ. 1805 ดัง นั้นจึงได้นำรูปช้างสีขาวใต้เมฆแห่งความรุ่งเรือง และอยู่เย็นเป็นสุข บน
พื้นสีม่วงของวันเสาร์ซึ่งตรงกับวันประสูติของพญาเม็งราย เป็นสีประจำจังหวัด
คำขวัญประจำจังหวัดเชียงราย
“เหนือสุดในสยาม
ชายแดนสามแผ่นดิน
ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา
ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง”
ต้นไม้ประจำจังหวัดเชียงราย
ต้นกาสะลองคำ
ที่มาของภาพ : https://sites.google.com
ที่มาของภาพ : https://sites.google.com
กาสะลองคำ (Radermachera
ignea) โดยเป็นไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระราชทานให้เป็นไม้ประจำจังหวัดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
พันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลจังหวัดเชียงราย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Radermachera ignea (Kurz) Steenis
วงศ์
BIGNONIACEAE
ชื่อสามัญ
Tree Jasmine
ชื่ออื่น
กากี สำเภาหลามต้น จางจืด สะเภา
อ้อยช้าง ปีบทอง
ไม้ต้น ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 6 -
20 เมตร เรือนยอดรูปไข่แคบโปร่ง ลำต้นเปลาตรง
เปลือก สีน้ำตาล เทา หรือน้ำตาลเข้ม
ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ออกตรงข้ามกัน ใบย่อย
2 – 5 คู่ แผ่นใบรูปรีแกมรูปใบหอกถึง
รูปไข่แกมรูปใบหอก หรือขอบขนานแกมรูปใบหอก กว้าง 2 - 5 ซม.
ยาว 5 - 12 ซม. ปลายแหลมเป็นติ่ง โคนสอบแหลม ขอบใบเรียบ
ดอก สีเหลืองอมส้ม หรือสีส้ม
ออกเป็นกระจุกตามกิ่งและลำต้น กระจุกละ 5 - 10 ดอก ทะยอยบาน
กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ยาว 4 - 7 ซม. ปลายเป็นแฉกสั้น ๆ 5
แฉก ผลเป็นฝัก ยาว 26 - 40 เซนติเมตร
เมื่อแก่จะแตกเป็น 2 ซีก
เมล็ด แบนมีปีก
นิเวศวิทยา ขึ้นตามธรรมชาติบนเทือกเขาหินปูนที่ค่อนข้างชื้น
ทางภาคเหนือ
ออกดอก มกราคม - เมษายน ผลัดใบก่อนออกดอก
ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำกิ่งและหน่อ
ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ
ดอกไม้ประจำจังหวัดเชียงราย
พวงแสด
ที่มาของภาพ :
http://xn--42c6apd0cib0hl5e5c9dsar.net
ชื่อสามัญ
Orange Trumpet, Flame Flower
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pyrostegia
venusta., Miers
ตระกูล BIGNONIACEAE
ลักษณะทั่วไป
ต้น พวงแสดเป็นพันธุ์ไม้เถาเลื้อยที่มีขนาดใหญ่พอสมควร
เป็นไม้ที่มีใบกลายเป็นมือสำหรับยึดเกาะและสามารถเลื้อยเกาะไปได้ไกลมากกว่า 40 ฟุต เถาอ่อนจะเป็นสีเขียว และเมื่อแก่ก็จะกลายเป็นสีน้ำตาล
ใบ ลักษณะใบของพวงแสดจะเป็นใบประกอบ
มี 3 ใบย่อย
แต่จะมีบางใบที่เป็นคู่โดยใบย่อยที่สามที่อยู่ตรงกลางจะเปลี่ยนจากใบไปเป็นมือเกาะใบจะออกสลับกัน
ใบมีสีเขียวเข้ม ก้านใบสั้นเกือบชิดกิ่งใบเป็นรูปไข่ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบไม่มีจัก
ใบมีความกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร
ดอก พวงแสดจะออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ
และตามปลายกิ่งส่วนยอดดอกจะดกมากจนดูแน่นช่อมีกลีบรองดอกเป็นรูปถ้วย
หรือรูปกระดิ่งหงายดอกเป็นรูปทรงกรวย เรียวยาว ปลายดอกจะบานออกเป็น 4 กลีบ เมื่อดอกบานเต็มที่กลีบดอกจะงอโค้งลงข้างล่าง ดอกจะยาวประมาณ 5-6
เซนติเมตร ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 4 อัน
สั้นยาวไม่เท่ากัน คือจะสั้น 2 อันและยาวอีก 2 อัน มีเกสรตัวเมีย 1 อัน ซึ่งจะอยู่ตรงกลาง
เกสรตัวเมียมีสีตองอ่อน และจะยาวกว่าเกสรตัวผู้
สภาพการปลูก
การปลูกพวงแสดทำได้โดยการ
นำกิ่งที่ได้จากการปักชำ หรือการตอนกิ่งมาปลูกลงหลุม โดยขุดหลุม ให้มีความกว้าง
ลึก ประมาณ2 x 1.5 ฟุต แล้วใส่ปุ๋ยหมักรองก้นหลุม
แล้วผสมดินกับมูลสัตว์หรือขี้ค้างคาว
คลุกให้เข้ากันใส่ลงในหลุมปลูกนำกิ่งที่จะปลูกวางลงกลางหลุมแล้วกลบดินรดน้ำ
ให้ชุ่ม
การขยายพันธ์
ขยายพันธุ์โดย
การตอน และการปักชำกิ่ง พวงแสดจะออกดอก ช่วงเดือนธันวาคม - มีนาคม ของทุกปี
การดูแล
แสง พวงแสดเป็นพันธุ์ไม้กลางแจ้งที่ชองแสงแดดจัด
และสามารถทนต่อความแห้งแล้งได้ดีพอสมควร
น้ำ การให้ให้พวงแสด เมื่อต้นโตและแข็งแรงดีแล้ว ให้รดน้ำวันเว้นวันก็ได้ เพราะพวงแสดไม่ต้องการน้ำมาก
ดิน ดินสำหรับปลูกพวงแสด ควรเป็นดินร่วนที่มีส่วนผสมของปุ๋ยธรรมชาติ เช่น มูลสัตว์หรืออื่น ๆ อยู่บ้างก็จะทำให้พวงแสดเจริญเติบโตได้ดี
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ในการผสมดิน ปลูก เช่น ขี้ค้างคาว เป็นต้น และเมื่อต้นโตใกล้ถึงช่วงออกดอกก็ให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สำหรับเร่งดอกบ้างตามสมควร
น้ำ การให้ให้พวงแสด เมื่อต้นโตและแข็งแรงดีแล้ว ให้รดน้ำวันเว้นวันก็ได้ เพราะพวงแสดไม่ต้องการน้ำมาก
ดิน ดินสำหรับปลูกพวงแสด ควรเป็นดินร่วนที่มีส่วนผสมของปุ๋ยธรรมชาติ เช่น มูลสัตว์หรืออื่น ๆ อยู่บ้างก็จะทำให้พวงแสดเจริญเติบโตได้ดี
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ในการผสมดิน ปลูก เช่น ขี้ค้างคาว เป็นต้น และเมื่อต้นโตใกล้ถึงช่วงออกดอกก็ให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สำหรับเร่งดอกบ้างตามสมควร
ที่มาของข้อมูล :
https://sites.google.com/site/phimphidabutrchati/2xeklaksn/2-4dxkmi-praca-canghwad
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น